ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ดินสอกับยางลบ

ดินสอกับยางลบ

มีดินสอที่เขียนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่แท่งหนึ่ง
มียางลบที่ลบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่ก้อนหนึ่ง

ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันทำอะไรด้วยกัน
หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน มันจึงเขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ
หน้าที่ของยางลบก็คือลบ มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา

เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี ทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมา จนกระทั่ง
ดินสอเอ่ยกับยางลบว่า "เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว"
ยางลบจึงถามว่า "ทำไมล่ะ"
ดินสอจึงตอบกลับไปว่า "ก็เราเขียนนายลบแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย"
ยางลบจึงเถียงว่า "เราทำตามหน้าที่ของเราเราไม่ผิด"
ทั้งคู่จึงแยกทางกัน

ดินสอพอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจมัน แต่พอเวลาผ่านไปมันเริ่มเขียนผิด
ข้อความที่สวยๆที่มันเคยเขียนได้ก็สกปรก มีแต่รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด มันคิดถึงยางลบจับใจ

ฝ่ายยางลบพอแยกทางกับดินสอมันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป พอเวลาผ่านไปมันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า
เพราะไม่มีอะไรให้ลบ มันคิดถึงดินสอจับใจ

ทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลงเขียนแต่สิ่งทีดี ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิดเท่านั้น

ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการจำ ดินสอในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดี
แต่พอเวลาเปลี่ยนไปมันก็หัดเลือกจำแต่ สิ่งดีๆเท่านั้น
ส่วนการลบเปรียบเหมือนการลืม ยางลบในตอนแรกก็ลืมทุกอย่าง ทั้งดีและไม่ดี แต่ทุกครั้งที่ลืมตัวมันก็จะสกปรก
แต่ตอนหลังมันเลือกลืมแต่เรื่องไม่ดี หรือคือการให้อภัยนั่นเอง

ฉะนั้นการเปรียบการเดินทางของทั้งคู่ดุจมิตรภาพ คือ การจำแต่สิ่งดีๆและลืมในสิ่งที่อาจผิดพลาดบ้าง

เด็กน้อยกับต้นแอ๊ปเปิ้ล

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีต้นแอ๊ปเปิ้ลใหญ่อยู่ต้นหนึ่งเด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งชอบไปที่นั่น และเล่นกับต้นแอ๊ปเปิ้ลอยู่เป็นประจำ
เขามักจะปีนขึ้นไปยังยอดไม้ เด็ดลูกแอ๊ปเปิ้ลมากิน และงีบหลับไปที่ใต้ร่มเงาของต้นแอ๊ปเปิ้ลนั่นเอง...

เขารักต้นแอ๊ปเปิ้ลต้นนี้มาก และต้นแอ๊ปเปิ้ลก็รักที่จะเล่นกับเขาเช่นกัน

เวลาผ่านไป...เด็กน้อยคนนั้นได้เติบโตขึ้น และไม่ค่อยได้มาเล่นที่ต้นแอ๊ปเปิ้ลทุกๆ วันเหมือนแต่ก่อน
วันหนึ่งเด็กน้อยคนนั้น ก็กลับมาที่ต้นแอ๊ปเปิ้ลต้นนี้อีกครั้ง แต่เขาดูไม่สดใสอย่างเคย ดูเศร้าสร้อย เหงาหงอย…

"มาเล่นกับฉันสิ" ต้นแอ๊ปเปิ้ลร้องเรียก
"ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะได้มาเล่นกับเธอได้อีก" เด็กน้อยคนนั้นตอบ
"ฉันอยากได้ของเล่นน่ะ แต่ฉันไม่มีเงินซื้อ" เด็กน้อยพูดต่อ
"ฉันเสียใจด้วยนะ ฉันก็ไม่มีเงินเลย... แต่ถ้าเธอเด็ดลูกแอ๊ปเปิ้ลของฉันทั้งหมดไปขาย เธอก็จะมีเงินไปซื้อของเล่น"
เด็กน้อยได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นเป็นอันมาก ก่อนที่จะรีบเด็ดผลแอ๊ปเปิ้ลไปอย่างรวดเร็วและจากไปอย่างมีความสุข
โดยที่ไม่กลับมาที่นี่อีกเป็นเวลานาน…ต้นแอ๊ปเปิ้ลกลับมาเศร้าสร้อยอีก

วันหนึ่งเด็กน้อยกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้นแอ๊ปเปิ้ลตื่นเต้นดีใจมาก "มาเล่นกับฉันนะ" ต้นแอ๊ปเปิ้ลร้องเรียก
"ฉันไม่มีเวลาเล่นกับเธอหรอกนะ ฉันต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ตอนนี้เราต้องการบ้านซักหลัง เธอพอจะช่วยฉันได้ไหม"
"ขอโทษนะ ฉันไม่มีบ้านให้เธอหรอก... แต่เธอสามารถตัดกิ่งไม้ของฉัน แล้วนำไปสร้างบ้านได้นะ"
เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็ตัดกิ่งไม้แทบทั้งหมดจากต้นแอ๊ปเปิ้ล และกลับไปอย่างมีความสุข
ต้นแอ๊ปเปิ้ลยินดีที่ได้เห็นเด็กน้อยมีความสุข แต่เด็กน้อยก็ไม่ได้กลับไปที่นั่นอีก ต้นแอ๊ปเปิ้ลจึงกลับมาเศร้าสร้อยและเดียวดายอีกครั้ง

วันที่อากาศร้อนวันหนึ่ง เด็กน้อยในวัยกลางคนก็กลับมา ต้นแอ๊ปเปิ้ลดีใจมาก
"มาเล่นกับฉันนะ" ต้นแอ๊ปเปิ้ลร้องเรียก
"คงไม่ได้หรอก เพราะตอนนี้ฉันแก่แล้วและกำลังรู้สึกเศร้ามากด้วย ตอนนี้ฉันอยากจะล่องเรือเพื่อผ่อนคลายซะบ้าง เธอมีเรือให้ฉันบ้างไหม"
"ใช้กิ่งไม้ที่ยังเหลืออยู่ มาสร้างเรือสิ เธอจะได้ล่องเรือออกไปและมีความสุขซะที" เมื่อได้ยินดังนั้น เขาจึงตัดกิ่งไม้ที่เหลือทั้งหมด และนำมาสร้างเรือ จากนั้นจึงล่องเรือออกไป... ไม่กลับมาอีกเป็นเวลานาน…

ในที่สุด เด็กน้อยก็กลับมาที่นั่นอีกครั้ง หลังจากที่จากไปนานหลายปี บัดนี้เขาได้กลายเป็นชายชราไปแล้ว
"ฉันขอโทษด้วยนะเด็กน้อย ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรให้เธอได้อีกแล้ว ฉันไม่มีแอ๊ปเปิ้ลเหลืออยู่เลย ซักลูกเดียว" ต้นแอ๊ปเปิ้ลบอก
"ฉันไม่มีฟันที่จะเคี้ยวแล้วล่ะ" เขาตอบ
"ฉันไม่มีกิ่งไม้ ให้เธอปีนเล่นได้อีกแล้วนะ"
"ฉันแก่เกินไปที่จะทำอย่างนั้นแล้วล่ะ" เขาน้อยพูดเบาๆ "ฉันไม่มีอะไรจะให้เธอได้อีกแล้ว...สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ คือ รากของฉันที่ตายแล้วเท่านั้น" ต้นแอ๊ปเปิ้ลพูดทั้งน้ำตา
"ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจากที่พักผ่อน ตอนนี้ฉันเหนื่อยเหลือเกินกับเรื่องราวที่ผ่านๆมา"เด็กน้อยในวัยชราตอบอย่างอ่อนล้า
"ดีเลย รากไม้แก่ๆ นี้เป็นที่ที่เหมาะแก่การที่เธอจะเอนหลังและนอนพักผ่อน มานี่สิมานอนข้างๆตัวฉัน และพักผ่อนซะที"

เด็กน้อยล้มตัวลงนอนใต้ต้นแอ๊ปเปิ้ลอย่างมีความสุข ขณะที่ต้นแอ๊ปเปิ้ลนั้นมองเด็กน้อยนอนหลับอย่างปลื้มปิติ พร้อมกับยิ้มทั้งน้ำตา...

นี่เป็นเรื่องราวของทุกๆ คน โดยต้นแอ๊ปเปิ้ลก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ของเราเมื่อเรายังเด็ก เราชอบที่จะเล่นกับพวกท่าน แต่เมื่อเราเติบโตขึ้น เรากลับจากท่านไป เราจะกลับไปก็ต่อเมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่างหรือมีปัญหาเท่านั้น แต่ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านก็ยังอยู่ที่นั่นเสมอ และจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำให้เรามีความสุข
คุณอาจจะคิดว่าเด็กน้อยคนนี้ใจร้ายกับต้นแอ๊ปเปิ้ลมาก แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เราทำกันอยู่ในทุกวันนี้!

กล่องทองคำ

ครั้งหนึ่ง ในคืนก่อนวันปีใหม่… คุณพ่อคนหนึ่งทำโทษลูกสาวด้วยความอารมณ์เสีย
เขาโกรธที่เด็กน้อยเอากระดาษห่อของขวัญสีทอง ซึ่งมีราคาแพงมาก มาใช้ห่อของขวัญเล่นอย่างสิ้นเปลือง
เขาเข้าใจว่าลูกสาวแค่พยายามจะตกแต่งบ้านสำหรับวันปีใหม่เท่านั้น
เป็นที่รู้กันว่าในช่วงนั้นสภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก ใคร ๆ ก็มักจะอารมณ์เสียกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ได้เสมอ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นเด็กน้อยก็ยังถือกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีทองมาให้คุณพ่อ
“กล่องนี้ของพ่อนะคะ” เด็กน้อยเอ่ยกับพ่ออย่างร่าเริง
คุณพ่อรู้สึกละอายกับการกระทำของตนเองเมื่อคืนนี้ที่ออกจะรุนแรงเกินไปบ้าง
เขากล่าวขอบคุณลูกสาวเบา ๆ พร้อมกับค่อย ๆ แกะกล่องของขวัญอย่างระมัดระวัง
ปรากฏว่าเป็นกล่องเปล่า …ไม่มีอะไรอยู่ข้างในเลย
คุณพ่อของเด็กน้อยรู้สึกโกรธขึ้นมาอีก เขาตะโกนถามลูกสาวว่า
“นี่ลูกไม่เคยรู้เหรอว่าเวลาจะให้กล่องของขวัญกับใคร …มันควรจะมีอะไรอยู่ในนั้นบ้างน่ะ”
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองคุณพ่อช้า ๆ เธอสะอึกสะอื้นตอบคุณพ่อของเธอ
“แต่เมื่อคืนหนู… หนูใส่ของขวัญไว้ให้คุณพ่อแล้วนะคะ หนูหอมแก้มคุณพ่อใส่ไว้จนเต็มกล่องเลย”
คุณพ่อรู้สึกตื้นตันขึ้นมาทันที เขายกตัวลูกสาวขึ้นมาอุ้มไว้แนบอก แล้วขอร้องให้เด็กน้อยให้อภัยที่เขาอารมณ์เสียไปบ้าง
…ที่น่าเศร้าก็คือ หลังจากนั้นไม่นาน เด็กน้อยก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

ต่อมาอีกหลายปี ยังมีคนเห็นว่าคุณพ่อคนนี้ยังเก็บกล่องของขวัญสีทองนั้นไว้ที่หัวเตียงอยู่เสมอ
เมื่อใดที่เขารู้สึกท้อแท้หรือเศร้าใจ เขาจะหยิบกล่องสีทองขึ้นมาเปิด แล้วจินตนาการว่า
เด็กน้อยได้กลับมาหอมแก้มเขาอีกครั้ง อาจเป็นเพราะเหตุนี้
คุณพ่อจึงยังคงจดจำความรักของลูกสาวที่มีให้เขาอย่างมากมายอยู่เสมอมา…เหมือนกับว่า
สิ่งที่มีค่าที่สุดของลูกสาวที่เขาสามารถยึดถือเอาไว้ได้ ไม่ใช่กล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีทอง
หรือกล่องที่ทำจากทองคำแท้ใด ๆ ทั้งนั้น
แต่เป็นความรักอันแสนจริงใจที่ลูกสาวของเขาได้ฝากเอาไว้จนเต็มกล่องนั่นต่างหาก.

ชายหนุ่มคนหนึ่ง บุคลิกดี การศึกษาก็สูง แถมมีอาชีพการงานที่กำลังเจริญรุ่งเรือง มาหาผู้เขียนสารภาพว่าเป็นเกย์
อยากจะแก้ไข ผู้เขียนก็ซัก ๆ ไป ไม่พบว่าเขามีปัญหาอะไรอย่างอื่นเลย
พ่อแม่ญาติพี่น้องก็ยอมรับความเป็นเกย์ของตัวอย่างดี
ที่ทำงานก็ยอมรับความเป็นเกย์ของเขาตลอดจนความสามารถทางศิลป์ของเขาด้วย ไม่มีใครสนใจในความเป็นเกย์
ตราบใดที่ยังทำงานได้ดี ทุกคนก็ไม่มีใครรังเกียจ แต่เจ้าตัวรังเกียจตัวเอง
และต้องการให้แพทย์รักษาให้หายจากความเป็นเกย์ ผู้เขียนอธิบายให้ฟังว่า เขาไม่มีความผิดปกติเลย
การที่เขาสนใจรักเพศเดียวกันไม่ได้ทำให้เขาต่างไปจากชายคนอื่นที่รักเพศตรงข้ามเลย
เรื่องรสนิยมนี้เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ เพียงแต่สังคมดัดจริตคิดว่าถ้าคนรักต่างเพศเป็นปกติ
ถ้ารักเพศเดียวกันก็ถือว่าผิดปกติโดยปริยาย เท่านั้นเอง
เขาก็ค้านว่า "หมอว่าผมไม่ผิดปกติได้อย่างไร ก็ในเมื่อผมรักผู้หญิงไม่เป็น"
ผู้เขียนตอบเขาไปว่า "ในโลกนี้ยังมีผู้ชายโสดทั้งหนุ่มและแก่อีกหลายร้อยล้านคน
ซึ่งรักผู้หญิงไม่เป็นและแถมยังรักผู้ชายด้วยกันก็ไม่เป็นด้วย เขายังโชคดีที่ยังรู้จักรักถึงแม้จะเป็นเพศเดียวกันก็ตาม
ก็ยังดีกว่าคนที่รักใครไม่เป็นเลย นอกจากรักตัวเองเท่านั้น"

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้ซึ่งเก็บงำความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อเพื่อนของเธอไว้ภายในใจ
จนกระทั่ง..ถึงวันที่เพื่อนคนนั้นแต่งงาน
เธอจึงตัดสินใจที่จะบอกความรู้สึกที่มีต่อเขา
และเพื่อนผู้ชายผู้นั้น...ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา

และเรื่องราวของชายผู้หนึ่ง
ผู้ซึ่งไม่เอ่ยเลยว่าเขารักภรรยาของเขามากแค่ไหน
จนถึงวันที่นางอันเป็นที่รักได้ตายจากไป
และแม้กระทั่งวันนี้..เขายังคงเฝ้านำดอกไม้ไปวางไว้ที่หลุมศพของเธอทุกๆวัน
พร้อมกับการ์ดที่เปี่ยมไปรอยจุมพิตและคำว่า"ฉันรักเธอ"
..เธอจะสามารถรับรู้มันได้อย่างไร??...

และนี่ก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ต้องการจะได้อ้อมกอดอุ่นๆจากพ่อของเธอ
แต่ทว่าเธอเขินอายเกินกว่าที่จะเอ่ยมันออกไป
ตราบจนวันสุดท้ายที่พ่อ ไม่สามารถมีโอกาสโอบกอดเธอได้อีกต่อไป
เรื่องราวต่างๆมากมายทำนองนี้ เกิดขึ้นในทุกวันๆ
คุณรู้..ว่าเหตุการณ์ในเมื่อวานเป็นเช่นไร
แต่คุณจะทราบและแน่ใจได้อย่างไรว่า เรื่องราวในอนาคตจะเป็นเช่นไร??
และนึกถึง..สิ่งที่คุณไม่เคยเอื้อนเอ่ย
คุณจะรอ..จนถึงวันสุดท้ายที่จบลง..โดยที่ไม่มีโอกาสได้พูดมันออกไปรึเปล่า????
..อย่ารีรอ...
เพียงแค่เอ่ยออกไปจากใจว่า

"ฉันรักคุณ"

When you came into the world, she held you in her arms.
You thanked her by wailing like a banshee.
เมื่อคุณกำเนิดมาในโลกนี้ เธออุ้มคุณไว้ในอ้อมอก คุณขอบคุณเธอโดยการร้องไห้

When you were 1 year old, she fed you and bathed you.
You thanked her by crying all night long.
เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ เธอป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ คุณขอบคุณเธอโดยการงอแงทั้งคืนวัน

When you were 2 years old, she taught you to walk.
You thanked her by running away when she called.
เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ เธอสอนคุณเดิน คุณขอบคุณเธอด้วยการวิ่งหนีเมื่อเธอเรียกหา

When you were 3 years old, she made all your meals with love.
You thanked her by tossing your plate on the floor.
เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ เธอทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก คุณขอบคุณเธอด้วยการโยนจานลงพื้น

When you were 4 years old, she gave you some crayons.
You thanked her by coloring the dining room table.
เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ เธอให้ดินสอสีคุณ คุณขอบคุณเธอด้วยการระบายสีบนโต๊ะอาหาร

When you were 5 years old, she dressed you for the holidays.
You thanked her by plopping into the nearest pile of mud
เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ เธอแต่งชุดเก่งให้คุณเพื่อไปเที่ยว คุณขอบคุณเธอด้วยการทำชุดเก่งนั้นเปื้อนโคลนเลอะเทอะ

When you were 6 years old, she walked you to school.
You thanked her by screaming, "I'M NOT GOING!"
เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ เธอเดินไปส่งคุณไปโรงเรียน คุณขอบคุณเธอด้วยการกรีดร้องว่า "ไม่ไป!!!"

When you were 7 years old, she bought you a ball.
You thanked her by throwing it through the next-door-neighbor's window.
เมื่อคุณอายุได้ 7 ขวบ เธอซื้อบอลให้คุณ คุณขอบคุณเธอด้วยการไปทำหน้าต่างของเพื่อนบ้านแตก

When you were 8 years old, she handed you an ice cream.
You thanked her by dripping it all over your lap.
เมื่อคุณอายุได้ 8 ขวบ เธอซื้อไอศกรีมให้คุณ คุณขอบคุณเธอด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว

When you were 9 years old, she paid for piano lessons.
You thanked her by never even bothering to practice.
เมื่อคุณอายุได้ 9 ขวบ เธอสอนเปียโนให้คุณ คุณขอบคุณเธอด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม

When you were 10 years old, she drove you all day, from soccer
to gymnastics to one birthday party after another.
You thanked her by jumping out of the car and never looking back.
เมื่อคุณอายุ 10 ขวบ เธอขับรถไปส่งคุณทั้งวัน ตั้งแต่สนามบอล, โรงยิม, ยันงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนแต่ละคน
คุณขอบคุณเธอด้วยการกระโดดออกนอกรถ โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

When you were 11 years old, she took you and your friends to the movies.
You thanked her by asking to sit in a different row.
เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ เธอพาคุณและเพื่อนคุณไปดูหนัง คุณขอบคุณเธอด้วยการขอนั่งที่นั่งคนละแถว

When you were 12 years old, she warned you not to watch certain TV shows.
You thanked her by waiting until she left the house.
เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ เธอเตือนคุณอย่าดูทีวี คุณขอบคุณเธอด้วยการรอเธอออกไปก่อน แล้วดูต่อ

When you were 13, she suggested a haircut that was becoming.
You thanked her by telling her she had no taste.
เมื่อคุณอายุ 13 เธอแนะให้คุณตัดผมให้มันดูดี คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่าเธอไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย

When you were 14, she paid for a month away at summer camp.
You thanked her by forgetting to write a single letter.
เมื่อคุณอายุ 14 เธอจ่ายค่าซัมเมอร์แคมป์หนึ่งเดือนให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการไม่ได้เขียนจดหมายมาหาเลยสักฉบับนึง

When you were 15, she came home from work, looking for a hug.
You thanked her by having your bedroom door locked.
เมื่อคุณอายุ 15 เธอกลับบ้านหลังเลิกงาน อยากได้กอดสักครั้ง คุณขอบคุณเธอด้วยการล็อกห้องนอนขังตัวเองในห้อง

When you were 16, she taught you how to drive her car.
You thanked her by taking it every chance you could.
เมื่อคุณอายุ 16 เธอสอนคุณขับรถ คุณขอบคุณเธอด้วยการเอารถไปขับทุกเวลาที่คุณจะเอาไปได้

When you were 17, she was expecting an important call.
You thanked her by being on the phone all night.
เมื่อคุณอายุ 17 เธอกำลังรอโทรศัพท์สายสำคัญ คุณขอบคุณเธอด้วยการใช้สายตลอดคืนนั้น

When you were 18, she cried at your high school graduation.
You thanked her by staying out partying until dawn.
เมื่อคุณอายุ 18 เธอร้องไห้ในวันที่คุณเรียนจบมัธยม คุณขอบคุณเธอด้วยการฉลองยันเช้า

When you were 19, she paid for your college tuition, drove you to campus carried your bags.
You thanked her by saying good-bye outside the dorm so you
wouldn't be embarrassed in front of your friends.
เมื่อคุณอายุ 19 เธอจ่ายค่ากวดวิชา ขับรถไปรับไปส่ง คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกลาข้างนอกเพื่อที่จะไม่ได้อายเพื่อน

When you were 20, she asked whether you were seeing anyone.
You thanked her by saying, "It's none of your business."
เมื่อคุณอายุ 20 เธอถามคุณว่ามีแฟนหรือยัง คุณขอบคุณเธอด้วยการพูดว่า ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย

When you were 21, she suggested certain careers for your future.
You thanked her by saying, "I don't want to be like you."
เมื่อคุณอายุ 21 เธอแนะนำอาชีพให้คุณสำหรับอนาคต คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า คุณไม่อยากเป็นอย่างเธอ

When you were 22, she hugged you at your college graduation.
You thanked her by asking whether she could pay for a trip to Europe.
เมื่อคุณอายุ 22 เธอกอดคุณวันรับปริญญา คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า อยากได้รางวัลไปเที่ยวยุโรปสักครั้ง

When you were 23, she gave you furniture for your first apartment.
You thanked her by telling your friends it was ugly.
เมื่อคุณอายุ 23 เธอให้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งในอพาร์ตเมนท์แห่งแรกของคุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกเพื่อนๆ ว่า มันช่างน่าเกลียดเสียนี่กระไร

When you were 24, she met your fiance and asked about your plans for the future.
You thanked her by glaring and growling, "Muuhh-ther, please!"
เมื่อคุณอายุ 24 เธอพบคู่หมั้นคู่หมายของคุณและถามคุณเกี่ยวกับแผนการในอนาคตน
คุณขอบคุณเธอด้วยการจ้องมองเขม็งพร้อมพูดว่า "แม่ โปรดเถอะอย่ายุ่งกับเรื่องนี้"

When you were 25, she helped to pay for your wedding, and she cried
and told you how deeply she loved you. You thanked her by moving halfway across the country.
เมื่อคุณอายุ 25 เธอช่วยคุณจ่ายค่าใช้จ่ายงานแต่งงานและสินสอด
ร้องไห้และบอกคุณว่าเธอรักคุณแค่ไหน คุณขอบคุณเธอด้วยการย้ายไปอีกฟากหนึ่งของประเทศ

When you were 30, she called with some advice on the baby.
You thanked her by telling her, "Things are different now."
เมื่อคุณอายุ 30 เธอโทรมาหาพร้อมกับแนะนำเรื่องการเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

When you were 40, she called to remind you of an relative's birthday.
You thanked her by saying you were "really busy right now."
เมื่อคุณอายุ 40 เธอโทรมาเตือนความจำคุณเกี่ยวกับวันคล้ายวันเกิดญาติ
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า ตอนนี้ไม่ว่างเลย

When you were 50, she fell ill and needed you to take care of her.
You thanked her by reading about the burden parents become to their children.
เมื่อคุณอายุ 50 เธอเริ่มชราและไม่ค่อยสบาย ต้องการให้ดูแล
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่ามันเป็นภาระแค่ไหนที่จะต้องเลี้ยงดูเธอ

And then, one day, she quietly died. And everything you never did
came crashing down like thunder. “Rock me baby, rock me all night long.”
และแล้ว วันหนึ่ง เธอจากไปอย่างเงียบสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยกระทำ
จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ "เรียกแม่ไปเถอะลูก เรียกตลอดทั้งคืนนะ"

โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่คนที่เราเรียกว่าแม่ แม้จะไม่กล้าพูดออกมาก็ตามถีง
Please paid little bit attention to the one you called "mom" .
ไม่มีอะไรแทนที่เธอได้ แม้ว่าบางคราวเธออาจจะไม่ได้เป็นคนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรืออาจไม่เห็น
Nothing can replace her although sometimes she is not the one who mostly understand in you.
ด้วยกับความคิดของคุณ แต่เธอก็คือแม่ของคุณและเชื่อได้ว่าเธอจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังทุกปัญหา ทุกความกังวล
Or she may not agree with your thought but she still your "mom" and you can
believe that she can do everything for you.
ถามตัวคุณเองดูเถิด คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้าความกังวลใจของเธอจากการทำงาน หรือจากในครัวไหม
Listen to your problems, every anxious . Do you have more time to listen to her worry from work?
คุณเคยคิดถึงความเหนื่อยยากของเธอไหม รักเธอให้มากแม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างกัน เพราะเมื่อเธอจากไป
Do you used to concern about her tired? Please love her so much although
she and you have the conflict because when she pass away.
จะเหลือเพียงความทรงจำและความเสียใจเท่านั้น อย่าเพิกเฉยกับคนที่ใกล้หัวใจคุณที่สุด รักเธอให้มากกว่าที่คุณรักตัวเอง
It's remain the memory and sad. Do not ignore the one who closely to your heart?
Love her more than you love yourself

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข้อสอบครูชำนาญการพิเศษ ข้อสอบครูชำนาญการพิเศษ,สอบครูชำนาญการพิเศษ